25640604am--รู้เห็นเหตุแห่งทุกข์

Published: June 8, 2021, 1:59 p.m.

4 มิ.ย. 64 (เช้า) - รู้เห็นเหตุแห่งทุกข์ : “ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้” ไม่ใช่สิ่งที่ต้องละ สิ่งที่ต้องละคือสมุทัย ซึ่งเป็นเหตุแห่งทุกข์ เมื่อเราเจอทุกข์ อย่างแรกที่ต้องทำคือรู้ทุกข์ คือรู้ว่ากำลังทุกข์อยู่ รู้ว่ากำลังโกรธ รู้ว่ากำลังหงุดหงิด เวลามีอารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว เพราะกำลังถูกอารมณ์ครอบงำอยู่ การมีสติจะช่วยให้เรารู้ทันอารมณ์เหล่านั้น เมื่อมีทุกข์ ก็รู้ว่าทุกข์ นี้คือความหมายแง่หนึ่งของ การรู้ทุกข์

ต่อมาก็เห็นว่าที่กำลังทุกข์อยู่นั้นไม่ใช่เราทุกข์ มันเป็นกายที่ทุกข์ เป็นกายที่ปวด ไม่ใช่เราปวด ที่ร้อนนั้นไม่ใช่เราร้อน แต่เป็นกายที่ร้อน ที่โกรธก็ไม่ใช่เราโกรธ แต่เป็นจิตที่โกรธ ถ้าไม่มีสติก็ไม่เห็น หลงคิดว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่ไปหมด ไปคิดว่าเราปวด เราเจ็บ เราโกรธ เราโมโห มีแต่ตัวเราเป็นผู้กระทำ แต่พอมีสติเราจะเห็นว่าที่จริงแล้วความปวดนั้นเป็นเรื่องของกาย ส่วนความโกรธเป็นเรื่องของใจ เวลาเดินก็เห็นว่า ที่เดินนั้นคือรูปหรือกาย ไม่ใช่เราเดิน เวลาเผลอคิด ก็เห็นว่าใจคิด ไม่ใช่เราคิด ต่อไปก็จะเห็นว่า เวลามีความโกรธเกิดขึ้น ไม่ใช่จิตโกรธหรอก แต่เห็นว่ามีความโกรธเกิดขึ้นที่ใจ ความโกรธก็อันหนึ่ง จิตก็อันหนึ่ง เวลาเมื่อยหรือเกิดทุกขเวทนา ก็จะเห็นว่าทุกขเวทนาก็อันหนึ่ง ร่างกายหรือรูปก็อันหนึ่ง คือจะเห็นแยกเป็นส่วน ๆ แต่ก่อนนั้นไม่ใช่อย่างนี้ คือ รู้สึกว่าฉันปวด ฉันเมื่อย ฉันโกรธ   บ่อยครั้งเรามักจะเอาความทุกข์ของรูป ความทุกข์ของนาม มาเป็นความทุกข์ของเราหรือตัวเรา ที่จริงแล้วตัวเราหรือ “ตัวกู”นั้นไม่มีอยู่จริง แต่เกิดจากการปรุงแต่งขึ้นมา แล้วก็หลงคิดว่ามันมีจริง ๆ ตัวกูนี้แหละที่รับสมอ้างว่าเป็นเจ้าของความทุกข์ต่าง ๆ มากมาย ไปเอาความทุกข์ของกายมาเป็นความทุกข์ของกู ไปเอาความทุกข์ของใจมาเป็นความทุกข์ของกู ก็เลยทุกข์หนักขึ้น ที่จริงแล้วยิ่งทุกข์เท่าไร ยิ่งต้องสลัดความทุกข์ออกไป ไม่ใช่ดึงมาเป็นของกูหรือตัวกูตลอดเวลา แต่ถ้าเราเจริญสติ พอมีทุกข์ก็จะเห็นว่าที่ทุกข์นั้นไม่ใช่เราทุกข์ แต่เป็นกายที่ทุกข์ เป็นกายที่ปวด ที่โกรธก็ไม่ใช่เราโกรธ แต่เป็นใจที่โกรธ และต่อไปก็จะเห็นว่าความโกรธก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีสติ จิตก็จะไปรวมกับความโกรธ หรือสำคัญมั่นหมายว่าความโกรธเป็นกู แล้วก็เลยมีกูผู้ทุกข์ขึ้นมา